บทที่ ๑๒ เวอเรี่ยน


“ตกลงพี่เชิงว่ามันเร็วเกินไปมั้ยอ้ะ?” มรกตโพล่งขึ้นมาด้วยเสียงอู้อี้ของผู้หญิงเอาแต่ใจ “แค่สองเดือนมาเจอพ่ออุ๊กแล้วอย่างนี้“

เชิงไทผู้กำลังถือพวงมาลัยบีเอ็มดับบลิว หันมาหาสาวผมสั้นแนบหน้าวัย ๒๗ ที่นั่งเบาะซ้ายด้วยความประหลาดใจ

“อ้าว! นี่อุ๊กชวนพี่มาเองนะ”

“ใครชวนมาไม่สำคัญหรอก พี่ว่าเร็วไปไหมอ้ะ?”

เธอถามด้วยอาการขมวดคิ้วนิ่วหน้า เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิดอึดอัด

ชายหนุ่มถึงกับอ้าปากหวอ ยกมือเกาหัวแกรกๆก่อนหันกลับไปมองทางข้างหน้า บังเกิดความไม่สบายใจตาม

“งั้นเอาไงดี?”

“เฮ้อ!” หญิงสาวถอนใจห้วนๆ “พ่อรออยู่ ยังไงก็ต้องไปแหละ”

เชิงไทชักไม่พอใจขึ้นมาเหมือนกัน เพราะคล้ายเธอลังเลในนาทีสุดท้าย เหมือนเห็นเขาเป็นกระเป๋า ตอนแรกถูกใจจะซื้อ แต่พอเอามาจ่ายจริง จู่ๆก็นึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมา

ฝ่ายมรกตก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่สนใจสังเกตความรู้สึกของคนอื่น ไม่รับทราบด้วยซ้ำว่าคนที่นั่งข้างๆกำลังเริ่มมีน้ำโห เนื่องจากเธอมัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับสิ่งที่อยู่ในหัวของตัวเอง จึงถอนใจดังๆซ้ำอีก

“เฮ้อ!”

คราวนี้เชิงไทอดรนทนไม่ไหว กระแทกเสียงขึ้นมาบ้าง

“เปลี่ยนใจเลยไหม?”

นั่นเอง มรกตจึงรู้สึกตัว เพราะเสียงหนักๆที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเชิงไทส่อเค้าว่า ‘เลิกกันเลยไหม?’ ไม่ใช่แค่ ‘เลี้ยวไปที่อื่นแทนไหม?’

“ไม่ใช่อย่างนั้น!” เธอรีบแก้ความเข้าใจผิดของเขา แต่ไม่วายใช้เสียงหงุดหงิด “บอกให้ก็ได้ พ่ออุ๊กเป็นคนให้ชวนพี่มา”

ประโยคนั้นทำให้เชิงไทรู้สึกสะดุดขึ้นมาได้

“งั้นรึ?”

“ก็งั้นสิ!” มรกตเป็นคนไม่ชอบเก็บอาการ แล้วก็ไม่ใช่คนที่จะเก็บความอัดอั้นตันใจไว้ได้นาน “อุ๊กว่าพ่อจะชวนพี่ทำงานด้วยแหงๆเลย”

เรื่องกลุ้มใจที่ถูกเปิดเผยนั้น เปลี่ยนอารมณ์เชิงไทแบบหักมุม จากโมโหเกือบควันออกหู กลายเป็นตาค้างคาดไม่ถึง

“เหรอ?”

“อือ!”

“ถ้าแค่นั้น ทำไมต้องทำฮึดฮัดๆด้วยล่ะ”

“ก็อุ๊กไม่แน่ใจว่าพี่ทำงานยังไง อยากเอาความสบายใจเป็นตัวตั้งแค่ไหน ถ้าพ่อชวนจริงๆพี่จะอึดอัดไหม เพราะพ่ออุ๊ก…”

แม้เธอพูดไม่จบ เชิงไทก็เข้าใจอะไรๆกระจ่างทันที เขาเหลือบมองสาวมาดเท่ข้างกายแวบหนึ่ง ริมฝีปากสีชมพูเข้มราวกับเพิ่งจิบน้ำสตรอเบอร์รี่ กำลังเบะเล็กๆในอารมณ์เครียดหน่อยๆ

“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย วันนี้พ่ออุ๊กให้ชวนพี่มา อาจแค่เพื่อแน่ใจว่าเรายืนอยู่ด้วยกันแล้วไม่เหมือนนางเอกกับคนสวน เอาแค่นั้นก่อน”

มรกตหัวเราะออกมาได้

“พี่เป็นคนแรกนะ อุ๊กไม่เคยพาผู้ชายไปหาพ่อเลย”

“ถ้าเจอท่านแล้วพี่ทำพัง ก็คงต้องรอ ‘คนแรก’ รายต่อไปหรือเปล่า”

หญิงสาวทำหน้ามุ่ย

“ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อนะคะ”

“เอาน่า! เชื่อ แต่ล้อเล่นก็ได้นี่” แล้วเชิงไทก็ล้วงข้อมูลเนียนๆ “อุ๊กรู้ไหม? กฎหมายน่ะ เต็มไปด้วยช่องลับ ถ้าใครพาลูกค้าเดินผ่านช่องลับเหล่านั้นไปสู่จุดหมายปลายทางที่ต้องการได้โดยสวัสดิภาพ ก็จะได้ทั้งค่าผ่านทาง ได้ทั้งอำนาจจากการเป็นผู้คุมช่องทางลับของลูกค้าจำนวนมากไว้”

“รู้สิ” เธอตอบแบบคนที่ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา “ลูกค้าพ่ออุ๊กน่ะ กลุ่มการเมืองกับองค์กรศาสนาระดับประเทศทั้งนั้น”

เชิงไทเริ่มเข้าใจชัดจริงๆ ก็เมื่อพารถมาตามพิกัดจนถึงประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่ของคฤหาสน์หลังหนึ่ง ในหมู่บ้านคนรวยย่านบางนา

เขาหรี่ตามองสถาปัตยกรรมสองชั้น ทรงนีโอคลาสสิกผสมแนวอิตาเลียน ตรงกลางมีน้ำพุแกะสลักรูปเทพีไกอาอุ้มโลก มีละอองไอน้ำบางเบาจากหัวฉีดที่ฝังซ่อนในฐาน สองพุ่มไม้กระหนาบน้ำพุถูกตัดแต่งเป็นรูปสิงโตคู่ ชนิดที่มองแวบแรกก็รู้เลยว่าแพงมาก เพราะตัดละเอียดเกินระดับคนสวนทั่วไปจะทำได้

ความบรรเจิดวิจิตรในพื้นที่ร่วมสองไร่นั้น ชัดเจนว่าต้องการแสดงพลังยิ่งใหญ่แบบไม่ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งแง่ของปริมาณทรัพย์สิน และทั้งในแง่ของรสนิยมผู้เป็นเจ้าของ

เชิงไทนึกเสียดายที่ไม่ทำการบ้านให้ดีก่อน มรกตเคยบอกชื่อพ่อของเธอครั้งหนึ่ง แต่เขาไม่สนใจ และไม่ได้เอาไปค้นหา ไม่เอะใจเลยว่าผู้หญิงที่คบถึงขั้นไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันได้คนนี้ จะมีพ่อรวยระดับ ๐.๐๐๖% ของประชากรทั้งประเทศ

เมื่อนำมารวมกับข้อมูลคร่าวๆที่เพิ่งได้จากมรกตหยกๆ ก็ต้องบอกเลยว่าพ่อของเธอเป็นประเภทที่คนทั่วไปไม่รู้จัก แต่บรรดาธนาคารพร้อมปูพรมตั้งแถวต้อนรับกันถ้วนหน้า!

มรกตหยิบมือถือมาปลดล็อคแล้วแตะปุ่มในแอพ ประตูคู่บานสูงเกือบ ๔ เมตรก็เปิดออก คล้ายเป็นสัญลักษณ์แทนการผายมือเชื้อเชิญจากพนักงานต้อนรับซ้ายขวา ให้เข้าสู่เขตยิ่งใหญ่อลังการของคฤหาสน์ท่านเศรษฐี

“เข้าไปจอดตรงนั้นเลยค่ะ”

เธอชี้นิ้ว เชิงไทตื่นเต้นเล็กน้อย พารถแล่นเอื่อยไปตามทางที่ปูด้วยหินแกรนิตรูปจิกซอว์โทนสีทรายอ่อน สองข้างทางมีพุ่มไทรเกาหลีตัดเป็นแท่งตั้งตรงสูงกว่า ๒ เมตรเรียงกันคล้ายกำแพงธรรมชาติ

โรงจอดมีหลังคาโค้งสูง รถจอดอยู่แล้ว ๔ คัน ได้แก่ โรลส์รอยซ์ทอง เบนท์ลีย์คูเป้ม่วงทึบ ปอร์เช่เอสยูวีขาวปลอด กับรถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์ดำเมี่ยม เหลือช่องว่างให้บีเอ็มดับบลิวไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดของเขาเข้าเสียบหนึ่งช่อง

สองหนุ่มสาวลงจากรถ เชิงไทมาในเสื้อเชิ้ตผ้าไหมคอตตอนสีเขียวเข้มรีดเรียบกริบ ส่วนมรกตสวมเดรสยาวคลุมเข่าแขนสามส่วนสีงาช้าง เดินเคียงกันแล้วดูกลมกลืนกับบรรยากาศบ้านแพงหูดับนั้น

มาถึงบานประตูไม้สักสีน้ำตาลเข้ม มรกตยกมือแตะที่แถบโลหะด้านข้าง มีผลให้ประตูเปิดอ้าออกอย่างรวดเร็วด้วยระบบไฮดรอลิกไร้เสียงคุณภาพสูง นำเข้าสู่ห้องโถงเล็กก่อนเข้าสู่ภายในจริง ทั้งบ้านเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์เหนือระดับ กดดันทุกคนว่า คุณไม่ได้รับอนุญาตให้นำความธรรมดาเข้ามาด้วย

เชิงไทรู้ตัวเลยว่า เขากำลังจะตกเป็นว่าที่ลูกเขยผู้ถูกประเมินราคา โดยท่านเจ้าของบ้านที่มีความถนัดในการประเมินผู้อื่นมาทั้งชีวิต

“ถ้าพ่ออุ๊กจะพูดอะไรกดดันแล้วพี่ไม่ชอบใจ ก็ปฏิเสธได้เลยนะ”

มรกตพูดในจังหวะที่เชิงไทกำลังตัวลีบหน่อยๆ นั่นทำให้เขาเสหัวเราะ

“เอ่อ… พี่ขอโทษจริงๆ คุณพ่ออุ๊กชื่ออะไรนะ?”

หญิงสาวยิ้มขำอย่างไม่ถือสา

“เดโช”

“อ้อ! ใช่ๆ! ติดอยู่แค่ริมฝีปาก” แล้วเขาก็ทำหน้าเร่งร้อน “เดี๋ยวพี่ขอเข้าห้องน้ำแป๊บ”

“ขวามือนั่นเลยค่ะ แอบอยู่ตรงหลืบข้างเสานั่น บ้านนี้ตั้งใจทดสอบไหวพริบแขกนิดหน่อย”

ชายหนุ่มหัวเราะแล้วปรี่ไปที่นั่น อันดับแรกไม่ใช่ทำธุระเบา แต่เอามือถือมากดหาชื่อ เดโช อมรุตม์ ทันที

ชายวัยห้าสิบกลางๆ ในเน็ตมีชื่อเด่นโยงใยกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน Avarique Partners โดยไม่มีข่าวใดๆให้สะดุดตาสังเกตหรือจดจำ ไม่มีแม้กระทั่งรูปภาพเดี่ยวให้เห็น แน่นอนว่าไม่บังเอิญ แต่มันคือนโยบาย ‘ขอเป็นเบื้องหลังให้คนแถวหน้า’

แน่แล้ว! ประเภทนี้จะชอบสะสมคนเก่งตัวเลข ชนิดใกล้ตัว น่าไว้ใจ ยิ่งถ้าได้แบบร่วมหัวจมท้ายในฐานะญาติตามทะเบียนสมรสลูกสาวจะยิ่งชอบ

เมื่อรู้ตัวว่าเหตุใดจึงถูกเดโชเร่งรัดให้มารู้จักมักจี่ เชิงไทก็เสยผม เชิดหน้าสำรวจความพร้อมของตนในกระจก ด้วยความรู้สึกแบบคนต้องลงสนามใหญ่โดยไม่ทันตระเตรียมให้ดี

ออกจากห้องน้ำ พยักหน้ายิ้มให้คนรักที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่สองเดือน แล้วเดินตามเธอแบบไปไหนไปกัน

มรกตพูดระหว่างทางว่า

“โทร.บอกพ่อแล้วค่ะ เดี๋ยวเราไปคุยที่ห้องรับแขกกันก่อน”

เชิงไทสัมผัสได้ว่าเธอประหม่าหน่อยๆ จึงชักเชื่อแล้วว่าเขาเป็นคนแรกที่มาถึงจุดนี้

ทั้งสองผ่านโถงกลางขนาดใหญ่ พื้นหินอ่อนขัดมันจนมองเห็นเงาตัวเองได้ตลอดทางเดิน จนถึงห้องรับแขกที่เปิดโล่งว่างตรงกลาง เผยเพดานสูงจรดชั้นสอง ชุดโซฟาหนังแท้ขนาดใหญ่สีช็อกโกแลตเข้มตั้งอยู่กลางพรมเปอร์เซีย คู่เสาตกแต่งทรงเพรียวเคลือบหินอ่อนยืนกั้นเป็นฉากหลัง ให้โคมไฟคริสตัลที่ห้อยระย้าลงมาจากด้านบนเด่นสง่า เห็นแล้วเชิงไทถึงขั้นต้องแอบอุทาน ‘โอ้โห!’ อยู่ในใจ

รสนิยมและไอเดียแต่งบ้านล้ำๆแบบนี้ เขามีมานาน แต่ขาดเงินสำหรับเนรมิตให้เกิดขึ้นในที่ของตน!

บนโต๊ะกลางมีชุดน้ำชาจีนเนื้อกระเบื้องบางเฉียบจัดไว้อย่างประณีต มรกตชี้มือไปยังโซฟาที่จะให้เขานั่งกับเธอ จากนั้นแค่อึดใจเดียว เงาเจ้าของบ้านก็ปรากฏตรงประตูในเสื้อเชิ้ตเนื้อดีสีเทาอ่อน

เดโชอยู่ในวัยกลางคน แต่ตาดำที่ลึกเหมือนเก็บงำความลับของผู้คนทั้งโลกมานานแสนนาน ทำให้ดูแก่เกินวัยไปมาก  

“สวัสดีค่ะพ่อ”

มรกตยกมือไหว้ปะล็อกปะแล็ก ทักทายผู้เป็นบิดาด้วยเสียงอ่องแอ่งแบบเด็กรุ่นใหม่ทำความเคารพไม่เป็น ขณะที่เชิงไทพนมมือไหว้อย่างสุภาพนอบน้อมและใช้สรรพนามตามเธอ

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

“โอเค! นั่งๆ”

เดโชแค่ยกมือโบกแบบคนไม่มีพิธีรีตองมาก แล้วมานั่งลงที่เก้าอี้ใหญ่ตัวถนัด

“ปกติฉันจะได้ต้อนรับแต่ทางฝั่งของลูกชาย เพิ่งได้มานั่งตรงนี้กับฝั่งของลูกสาวบ้าง”

เชิงไทหัวเราะและประสานมือพูดสุภาพด้วยน้ำเสียงนุ่มแน่นอย่างคนคุ้นกับการเข้าหาผู้ใหญ่

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ ที่ได้พบกับตัวจริงท่านประธานอะวารีกพาร์ทเนอร์ส ผมเคยทำงานฝั่งออดิตที่ต้องประสานกับทีมของคุณพ่อในดีลของท่านเวคินมาก่อนด้วยครับ คุณพ่อสร้างทีมไว้โปรมากเลย”

“อ้าวเหรอ! เธออยู่ในงานท่านเวคินด้วยหรือนี่?”

น้ำเสียงเดโชแสดงความพึงพอใจยิ่งทันที มรกตยิ้มเฉียงปรายตามองแฟนหนุ่ม คิดในใจว่าคนของตนคล่องเอาเรื่อง เพิ่งถามชื่อพ่อเดี๋ยวเดียว กลับมาพร้อมความเชื่อมโยงที่ดูดีมีเครดิตพร้อมสรรพ

“หนูบอกพ่อแล้ว แฟนหนูเก่ง”

“ถึงอยากเจอไงล่ะ” เดโชหัวเราะถูกใจ แล้วก็หันมาซักเชิงไท “ยายอุ๊กบอกว่า ตอนนี้เธออยู่กับจีเนติกโอ๊ธหรือ?”

“ครับ!”

“ได้ยินว่าที่นั่นมีแต่ไฮโปรไฟล์นะ แม้พนักงานล้างส้วมก็ต้องเป็นพนักงานล้างส้วมอัจฉริยะ”

ขาดคำสรรเสริญเยินยอเกินจริงของเดโช ทั้งหมดก็หัวเราะพร้อมกัน

“ตอนได้ยินจากยายอุ๊ก ฉันอดสงสัยไม่ได้นะ” เดโชเปิดความในใจ “จีเนติกโอ๊ธจะมาเปิดสาขาในประเทศเราทำไม ในเมื่อตลาดบ้านเราเล็กเกินไปสำหรับบิ๊กเทคทางพันธุกรรมระดับนี้ แล้วไหนจะปัญหากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ไหนจะปัญหาบุคลากรระดับลึกอีก”

“เป็นความเหมาะสมกับโปรเจกต์ใหม่ครับคุณพ่อ”

“ความลับหรือเปล่านี่? ฉันก็สายเทคนะ”

“ไม่ใช่ความลับหรอกครับ กำลังขอทำงานวิจัยในคน พอได้รับอนุมัติแล้วคงประกาศให้รู้ทั่วกัน” เชิงไทเผยเพราะไม่เคยได้รับนโยบายปกปิดจากข้อสัญญาใดๆ “ระหว่างนี้ทางเราก็ซาวเสียงจากกลุ่มเป้าหมายไปก่อน ถือว่ารู้กันบ้างแล้วเป็นบางส่วน”

“เอ้อ! ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงก็ดีเลย”

“คือ… จีเนติกโอ๊ธมาทำงานร่วมกับสถาบันดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ด้วยการตั้งเป้าหมายร่วมกันว่า จะให้ผู้ป่วยจากโลกนี้ไปอย่างมีเป้าหมายว่าจะกลับมาอีก”

เดโชตัวแข็งทื่อ ขณะที่มรกตเฉยๆ เพราะได้ยินได้ฟังเชิงไทเล่ามาก่อน

“ฉันช็อกเลยนะนี่” ว่าที่พ่อตาเสียงเบาลง “ถ้ามีดอกเตอร์สติเฟื่องที่ไหนเป็นคนพูด ฉันคงหาว่าบ้าแน่ๆ แต่นี่จีเนติกโอ๊ธเล่นเอง คงต้องมีการพิสูจน์เบื้องต้นที่น่าเชื่อถือบ้างแล้วกระมัง?”

เชิงไทผงกศีรษะ

“ครับคุณพ่อ!”

“อยากฟังจัง แต่ถ้าเป็นข้อมูลลับก็ไม่เป็นไรนะ”

“ไม่ลับครับคุณพ่อ บอกได้”

“เล่าให้พ่อฟังหน่อย”

เดโชถึงขั้นเปลี่ยนสรรพนามตัวเองให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

“เพื่อนสนิทของผม…” ใจเชิงไทนึกถึงเกาทัณฑ์ด้วยความภาคภูมิ “ไปเกี่ยวข้องกับเด็กจีนระลึกชาติ แล้วเขาพิสูจน์เบื้องต้นให้นายใหญ่ของจีเนติกโอ๊ธเชื่อจากหลักฐานว่า ดีเอ็นเอในชาติใหม่มีความสืบเนื่องมาจากชาติก่อน นายใหญ่เลยไฟเขียวให้มาทำวิจัยในไทย เนื่องจากประเทศเรามีศรัทธาทางนี้รองรับ หาคนเข้าร่วมโครงการง่าย”

“วิจัยยังไง?”

“คุณพ่อรู้จักศานติธานไหมครับ?”

“ไม่เคยได้ยิน”

“เป็นศูนย์อภิบาลผู้ป่วยระยะสุดท้ายครับ จีเนติกโอ๊ธซื้อมาเพื่อให้สะดวกกับงานวิจัยในระยะยาว โดยทำตัวเป็นสื่อกลางจับคู่ให้ผู้กำลังจะจากไป เข้ากับพ่อแม่ที่อยากได้เด็กมีบุญมาเกิดด้วย และจะมีกระบวนการอธิษฐานขอเกิดใหม่อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่หลับตาอธิษฐานกับฟ้าดิน”

เดโชใจเต้นแรง อากาศในห้องรับแขกเปลี่ยนไปทันที

“แล้วจะมีกระบวนการฟื้นความทรงจำในเด็กที่เกิดใหม่อย่างไร?”

“เรื่องนี้ผมฟังหลายรอบ แต่ยังไม่เห็นภาพชัดนักครับ โครงการชื่อว่า ‘ขอเลือกเกิด’ ที่แน่ๆคือจะเตรียมการกันเป็นกิจจะลักษณะ พิสูจน์ให้ได้ใน ๓ ถึง ๕ ปีข้างหน้าด้วยแผนชัดเจนว่า กลุ่มเด็กที่เกิดใหม่เหล่านั้น มีดีเอ็นเอที่เชื่อมโยงกันได้กับผู้ป่วยระยะสุดท้ายของศานติธานจริงๆ”

เดโชหน้าซีดเผือด แต่ทั้งเชิงไทและมรกตต่างก็ไม่รู้สึกผิดสังเกต เนื่องจากเข้าใจว่าฝ่ายนั้นกำลังตกใจกับข้อมูลช็อกโลก

“ตะลึงเลยเหรอคะพ่อ?”

มรกตยั้งคำว่า ‘อยากเข้าร่วมโครงการกับเขาเหรอ?’ เอาไว้ทัน เพราะเกิดสติคิดได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายว่า อาจฟังเหมือนแช่งพ่อให้ตายเร็วๆนี้

แต่คำถามของลูกสาวก็ทำให้เดโชได้สติ พูดกลั้วหัวเราะ

“ฉันแค่คิดว่า วิทยาศาสตร์มาถึงวันนี้จนได้นะ มนุษย์เราสงสัยกันเรื่องชีวิตหลังความตายมาตลอด เดี๋ยวความจริงจะถูกเปิดโปงเสียที”

“พอหนูรู้เรื่อง หนูก็นึกเสียดายที่คุณตากับคุณยายจากไปเสียก่อน ไม่งั้นเราจัดพ่อแม่ดีๆคู่ใหม่ให้ท่านกันเลย เสร็จแล้วเราก็ไปเยี่ยม ไปช่วยเขาเลี้ยงให้โตขึ้นมาดีๆ เป็นการตอบแทนบ้าง”

มรกตกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงอารมณ์ผูกพัน

“ไปกินข้าวกันเถอะ”

เดโชตัดบทชวน

“แม่ไม่มาด้วยเหรอคะ?”

“ติดประชุมด่วน”

“โห! มีธุระด่วนกว่าเรื่องแฟนหนูอีก?”

ลูกสาวทำเสียงบ่นแบบไม่จริงจังนัก

เมื่อมานั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน เชิงไทสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในเดโช แม้จะดูคุยรู้เรื่องรู้ราว แต่ใจของเดโชคล้ายมีเรื่องให้คิดหนักอย่างเห็นได้ชัด เหมือนสมองคิดสลับไปสลับมาระหว่างเนื้อหาที่คุยบนโต๊ะ กับเนื้อหาที่เป็นเรื่องใหญ่โตเกินหยั่ง

เชิงไทชินกับการถูกชักชวนเข้าร่วมงาน ซึ่งมักหมายถึงรายได้ที่สูงขึ้นแบบเห็นน้ำเห็นเนื้อ แต่คราวนี้เขาสังหรณ์แปลกๆ อยู่ๆก็คิดขึ้นมาในหัวว่า ยังมีอะไรในโลกนี้อีกมากนักที่เขายังไม่รู้!


ที่ใต้หลังคาโค้งของโรงรถ เดโชยืนส่งลูกสาวกับว่าที่ลูกเขยตามลำพัง กระทั่งรถบีเอ็มดับบลิวแล่นหายไป เขาจึงกดเบอร์และเอามือถือมาแนบหู

“ครับ! คุณเดโช”

ปลายสายก็ทักมาแทบทันที

“ท่านวินธัย ผมมีเรื่องสำคัญจะบอก”

“ครับ! ว่ามาเลย”

เสียงทุ้ม สงบขรึมนั้น บอกในทีว่าพร้อมรับฟังทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เยี่ยงคนที่ต้องแก้สารพัดสารพันปัญหาทุกวี่วัน

“ผมคิดว่า… กำลังจะมีงานวิจัยบางอย่าง ที่อาจส่งผลกระทบใหญ่กับศรัทธาในศาสนาเวอเรี่ยนของท่านนะ”

“หือ?”

“ท่านรู้จักจีเนติกโอ๊ธไหม?”

“รู้จักสิ! พันธมิตรหมายเลขหนึ่งของเราเลย”

คำตอบสั้นๆนั้น เล่นเอาเดโชตาโต เพราะไม่คาดฝันไว้ก่อนว่าจะเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ

“พันธมิตรยังไงครับ?”

“หลังองค์ศาสดาเวอเรี่ยนจากไป พวกเราก็จ้างจีเนติกโอ๊ธนี่แหละ ให้หาหลักฐานอย่างเป็นวิทยาศาสตร์มายืนยันชัดๆว่า โลกทั้งใบเปรียบเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ผลิตสิ่งมีชีวิตต่างๆขึ้น เพื่อเป็นกลไกปกป้องรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้”

“หลักฐานที่ว่านี่คือยังไงครับ ขอเห็นภาพหน่อย”

“อันนี้ต้องย้อนกลับไปก่อนเกิดจีเนติกโอ๊ธนะ ผู้ก่อตั้งคือดอกเตอร์แม็กซิมิเลียน ควอนเทนบาค เป็นอัจฉริยะที่เราเห็นแววว่าช่วยยกระดับศาสนาเวอเรี่ยนให้มีความเป็นวิทยาศาสตร์ได้สมบูรณ์แบบ ตอนนั้นเขายังไม่รวย เราเลยยื่นข้อเสนอให้ แบบที่เขาจะได้ทุนสนับสนุนงานวิจัย กับทางด่วนไปคว้ารางวัลโนเบล”

“อ้อ! เริ่มเข้าใจแล้ว คือเดิมทีศาสนาเวอเรี่ยนดูมีความเป็นนามธรรมเกินไป จับต้องไม่ได้ เลยจ้างดอกเตอร์คนนี้มาช่วยให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ถูกไหม?”

“โน! ศาสนาเวอเรี่ยนมีความเป็นรูปธรรมมาแต่แรกนะ องค์ศาสดาของเราสามารถสื่อสารกับโลกทั้งใบได้ พยากรณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ได้หลายปีล่วงหน้า ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ให้เกียรติเรียกโลกเป็น ‘แม่พระธรณี’ แบบเดียวกับที่หลายศาสนา หลายวัฒนธรรมให้การยอมรับว่า โลกไม่ใช่แค่วัตถุ แต่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือชีวิตพวกเรา ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดพวกเรา”

“แล้วดอกเตอร์แกเอาอะไรเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้ศาสนาเวอเรี่ยนเป็นที่ยอมรับในแวดวงวิทยาศาสตร์ครับ ใช้ดีเอ็นเอหรือเปล่า?”

“ดีเอ็นเอเป็นแค่ส่วนหนึ่ง” วินธัยค่อยๆอธิบาย “ดอกเตอร์แม็กซ์ไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม เขาคือคนที่โยงฟิสิกส์จักรวาลเข้ากับโครงสร้างของชีวิตระดับโมเลกุลได้อย่างเป็นระบบ เราเลยตั้งใจให้เขาเป็นผู้ประกาศคำสอนของเวอเรี่ยนในภาษาวิทยาศาสตร์”

“โอ้! คนไม่ใช่สายวิทย์แบบผมคงไม่มีวันเข้าใจงานของแกแน่”

“ตรงข้ามเลย! จุดใหญ่ที่พวกเราสนใจใช้บริการของดอกเตอร์แม็กซ์ ก็เพราะแกพูดให้ชาวบ้านฟังรู้เรื่องได้ เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายอย่างเหลือเชื่อ”

“งั้นไว้ผมจะลองหาคลิปของแกในยูทูบดู เพราะอาจต้องทำความรู้จักแกให้มากขึ้น”

“เอางี้นะ! ผมสรุปให้ฟังย่อๆ ศาสตร์ต่างๆที่แกเข้าใจ แกเขียนเป็นตำราระดับมหาวิทยาลัยได้หลายวิชา แต่ละวิชาดูไม่เกี่ยวข้องกันเลย ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลวิทยา ชีววิทยาโมเลกุล ควอนตัมสสาร สารสนเทศชีวภาพ”

“อื้อฮือ!”

“แต่สุดท้าย งานที่เราให้ทุนวิจัย แกขุดลึกลงไปในเรื่องกำเนิดโลกและสิ่งมีชีวิต ทำให้เกิดคัมภีร์ใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ชื่อ Final Prime ที่นักวิจัยทั่วโลกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่แหละ! บทอธิบายที่ลึกซึ้งที่สุด น่าเชื่อถือที่สุดว่าชีวิตทั้งหมดเกิดจากธรรมชาติ ไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว ไม่ใช่วิบากกรรมตามความเชื่อของศาสนาไหนๆ”

“เลยได้รางวัลโนเบล?”

“ใช่แล้ว! รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ พร้อมเงินจากเราและแหล่งทุนพันธมิตรต่างๆของเรา ช่วยให้ดอกเตอร์แม็กซ์เปิดบริษัทจีเนติกโอ๊ธขึ้นมา จนกลายเป็นบิ๊กเทคแถวหน้าถึงทุกวันนี้”

“ดูท่านชื่นชมเขามาก”

“แน่นอนสิคุณเดโช! หลังจากได้รางวัลโนเบล ดอกเตอร์แม็กซ์ ใช้เวลาอยู่หลายปีในการแสดงความชื่นชมศาสนาเวอเรี่ยน เขาอธิบายได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่า การอาศัยธรรมชาติเช่นต้นไม้และส่วนประกอบอันเป็นธรรมชาติของโลก ช่วยส่งเสริมในการทำสมาธิ ตลอดจนสื่อสารกับโลกได้อย่างไร เขาพูดแค่ครั้งเดียว เกิดผลดีกว่ากองทัพนักเทศน์ในศาสนาเราช่วยกันพูดเป็นสิบๆปี”

“เขาประกาศตัวว่าเป็นสาวกของเวอเรี่ยนหรือเปล่าครับ?”

“เขาทำตัวเป็นกลาง เป็นนักวิทยาศาสตร์อิสระ ซึ่งเราก็ประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น เพื่อความน่าเชื่อถือ ไม่ถูกจ้องด้วยความเคลือบแคลง”

“เรียกว่าส่วนตัวของดอกเตอร์แม็กซ์มีจุดยืนที่แข็งแรงกับเรา แต่ไม่ใช่ในระดับศรัทธา?”

“ก็ขึ้นอยู่กับใครจะมองกันไป” แล้ววินธัยก็ซักว่า “เมื่อกี๊ที่คุณเดโชบอกว่ามีเรื่องสำคัญ และอาจสะเทือนกับศรัทธาในศาสนาเวอเรี่ยนนี่คือยังไงหรือ?”

เดโชถอนใจเฮือก

“พระเอกของท่าน กำลังจะเป็นจอมวายร้ายแล้วครับ เขากำลังพิสูจน์ผ่านดีเอ็นเอว่า การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง!”

บทสนทนาเข้าสู่ช่วงแห่งหลุมดำอันเงียบงัน เดโชสัมผัสถึงความอึมครึมน่าอึดอัดจากอีกฝ่าย ถึงขนาดพลอยจุกแน่นที่คอหอย จึงไม่ปริปากใดๆ แค่รอว่าอีกฝ่ายจะพูดอย่างไรขึ้นมาก่อน

“อือม์! เรื่องใหญ่อยู่นะ”

วินธัยเอ่ยออกมาจนได้ แม้น้ำเสียงฟังเผินๆเหมือนเรื่อยๆ แต่เดโชก็รู้สึกถึงความน่ากลัวอย่างประหลาด

ขุนคลังใหญ่ของเวอเรี่ยนเม้มปากแน่น นึกถึงส่วนแบ่งหลักร้อยล้านของตนที่ได้จากงานจัดการยอดบริจาค อาจหายวับภายในอนาคตอันใกล้ จึงพูดเครียดๆว่า

“ผมทราบดีว่าศาสนาของท่านยืนอยู่บนเสาหลักแห่งการเกิดหนเดียว ตายหนเดียว เพื่อกลับไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแม่พระธรณีด้วยจิตสำนึกขั้นสูง”

“อย่างนั้น!” วินธัยรับ “พระวจนะกลางจากองค์ศาสดา คือ We rise once. To serve once. Return once! ไม่มีอะไรต้องกลัว นอกจากการทรยศต่อโลกใบนี้!”

“ศาสนาเวอเรี่ยนอาจไปต่อไม่ได้ ถ้ารากฐานศรัทธาตรงนี้ถูกล้มล้างไปใช่ไหม?”

“ก็…”

“จีเนติกโอ๊ธถึงขั้นกำลังทำโครงการ ‘ขอเลือกเกิด’ ซึ่งหมายความว่า ต่อไปจะมีกลุ่มคนตายแล้วเกิดใหม่ มาพิสูจน์หลักฐานจากดีเอ็นเอได้เป็นปกติเลยนะท่านวินธัย!”

“นี่คุณรู้มาจากไหน?”

“ว่าที่ลูกเขยของผม ทำงานอยู่กับกลุ่มบุกเบิกสาขาในไทย ฟังจากที่เขาเล่าเรื่องงาน ผมว่าเขารู้จริงนะว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดอะไรในขั้นต่อไป”

“อ้อ…”

“จีเนติกโอ๊ธเหมือนสิ่งที่พวกท่านสร้างมากับมือ พวกเขาไม่คิดบ้างหรือว่าโครงการพิสูจน์การเวียนว่ายตายเกิดจะย้อนกลับมาทำลายพวกเดียวกัน ไม่มีการปรึกษาหารือหรือบอกกล่าวให้ท่านทราบเลย?”

“พวกเราไม่ได้มีสิทธิ์ไปสั่งอะไรดอกเตอร์แม็กซ์” แล้วผู้เป็นบุคคลสำคัญของศาสนาเวอเรี่ยนในไทยก็ตัดบท “ขอบคุณคุณเดโชมาก! เดี๋ยววางสายแล้วผมอาจต้องประชุมด่วนกับเบื้องบนต่อ เพื่อหาข้อมูลเบื้องลึกเพิ่มเติม และตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร กับกลุ่มบุคคลที่กำลังตั้งตนเป็นภัยร้ายแรงต่อแม่พระธรณีนี้!”