บทที่ ๑๗ คนเจ็บ


ศาลา ๘ ของวัดพระศรีมหาธาตุ อบอวลด้วยกลิ่นอายของความเป็นความตาย หน้าโลงศพประดับด้วยดอกไม้สดและช่อพวงหรีด กลิ่นธูปจางๆลอยคลุ้ง คนร่วมงานเกือบเต็มศาลาแม้จะเป็นงานสวดอภิธรรมคืนแรก เนื่องจากชื่อผู้เสียชีวิตกระฉ่อนอยู่ในข่าว เป็นที่รับรู้แก่คนรู้จักเชิงไทอย่างทั่วถึง

เกาทัณฑ์ในสูทสีดำสนิท นั่งเด่นอยู่ในรถเข็นตำแหน่งหน้าสุดของศาลาในฐานะเจ้าภาพ ตัวแทนจีเนติกโอ๊ธ ภายใต้เสื้อสูทนั้นมีสายรัดคาดอกช่วยพยุงซี่โครงที่ยังไม่ประสาน เครื่องช่วยหายใจแบบพกพาซ่อนอยู่ใต้เบาะด้านข้าง พร้อมชุดฉีดยาระงับปวดติดตัว กับทั้งมีทีมแพทย์คอยดูแลอยู่ห่างๆ

ดอกเตอร์หนุ่มดูทั้งสงบ ทั้งน่าเกรงขาม และทั้งเปราะบางยิ่งในเวลาเดียวกัน เพราะร่างกายของเขาอยู่ในสถานะไม่ควรมาอย่างยิ่ง ขณะที่ใจไม่มาไม่ได้ ต่อให้มาแล้วตายก็ต้องมา!

ค่าของความเป็นเพื่อนร่วมตายที่เชิงไทหยิบยื่นให้ เขาคงต้องไปตอบแทนในชาติหน้า แต่ชาตินี้เขามอบเช็คเงินสดส่วนตัวให้พ่อแม่ของเชิงไทไปประมาณ ๖๕ ล้านบาทไทย โดยยังไม่รวมกับค่าชดเชยที่จีเนติกโอ๊ธจะสมทบตามมาอีกภายหลัง

สายตาหลายคู่ต่างแวะเวียนมาที่เขา เพราะกำลังเป็นบุคคลในข่าว เป็นผู้บริหารสูงสุดที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์สั่นสะเทือนโลก และยังไม่มีนักข่าวคนไหนได้สัมภาษณ์แม้แต่คำเดียว

เกาทัณฑ์ไม่ได้สบตาใคร ไม่ได้หันมองรอบตัว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่มองศพเพื่อน ที่วางอยู่บนตั่งรดน้ำกลางศาลาให้ผู้คนทยอยเข้ามารดน้ำใส่มืออย่างเงียบๆ

หากไม่รู้จักเชิงไทใกล้ชิดมาก่อน ก็คงไม่สังเกตว่าเค้าโครงศีรษะผิดเพี้ยนจากเดิมไปมาก ใบหน้าที่เห็นนั้นผ่านการแต่งเติมอย่างพิถีพิถันด้วยขี้ผึ้งแต่งศพเพื่อฟื้นโครงศีรษะที่เคยแบะจากแรงอัดของเศษปูนถล่มใส่ ให้กลับมาใกล้เคียงสภาพเดิมมากที่สุด

รูปถ่ายในกรอบหน้าโลง เชิงไทอยู่ในเชิ้ตพับแขน กางเกงสแลคสีดำ เรียบแต่มีสไตล์ เส้นผมเซ็ตเข้าทรง เผยกรอบหน้าชัดกับรอยยิ้มเป็นธรรมชาติ ดูยังมีชีวิต คล้ายรูปพูดกับทุกคนว่า ‘ทำทุกวันให้เรื่องซีเรียสผ่านไปได้ดีๆก็พอ’

ขอบตาแดงเรื่อ รูปเพื่อนบีบหัวใจเอาเรื่อง ความแค้นแล่นพล่านทั่วร่าง แต่พอแน่นหน้าอกขึ้นมาชนิดเกิดความอยากเอาคืน เกลียวที่เขม็งแน่นก็คลายออกเอง จากวุ่นวายกลายเป็นว่างโหวง

เขารู้ตัวคนทำ แต่ไม่รู้จะทำอะไรได้

แล้วจริงๆคนทำ ก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไป

ซ้ำร้าย คนทำไม่ใช่คนคนเดียว แต่เป็นระบบใหญ่ทั้งระบบ ที่สังสารวัฏใช้ป้องกันการล่มสลายของตัวเอง

อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าคนทั้งโลกรู้ความจริงตรงกันว่า การเวียนว่ายตายเกิดตามกรรมเป็นเรื่องจริง?

ความเชื่ออันเกิดจากการทึกทัก คิดเองเออเองทั้งหลายจะหายไป เหลือแต่ ‘องค์กรเปิดโปงความลับของจักรวาล’ ที่ทำตัวเป็นประตูทางออกให้ผู้คนแห่กันอพยพหนีจากเกมกรรมที่แสนทุกข์ แสนทรมาน

แต่ละคน เมื่อยังไม่ถึงวาระจะได้รู้ ต่างก็มีเวรมีกรรมให้ต้องเสวยผลในห้องขังเฉพาะตน เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ทุกคนพ้นโทษพร้อมกัน สังสารวัฏต้องมีระบบป้องกันการแหกคุกหนีของนักโทษทั้งหมดเอาไว้ดีพอ

ศาสนาพุทธยังอยู่ได้ ก็เพราะเป็นเพียง ‘ความเชื่อ’ ของคนกลุ่มเล็กที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับระบบใหญ่ หากทำท่าจะแพร่ขยาย กลายเป็นความเชื่อของคนหมู่มากเมื่อใด สังสารวัฏย่อมส่งสารพัดกองทัพมาสกัดกั้น แน่ยิ่งกว่าแน่

และนาทีนี้ ถ้าเขาหาทางฆ่าผู้นำศาสนาเวอเรี่ยนสำเร็จ สิ่งที่ตามมาไม่ใช่การแก้แค้นแทนเชิงไทได้ แต่จะยกระดับความแค้นให้ลุกลามเป็นสงครามศาสนาเต็มรูปแบบ ซึ่งนั่นหมายถึงการเปิดศักราชฆ่าล้างโคตรจีเนติกโอ๊ธ

การเอาคืน คือการตกหลุมพราง!

จากแค้นสุดเดช กลายเป็นรู้ซึ้งสุดขั้ว นอกจากการสูญเสีย จะไม่มีใครได้อะไร แล้วก็ไม่มีใครรอดพ้นไปจากภัยของสังสารวัฏเลยสักคน ต้องพากันลงนรกทั้งหมดนี่แหละ

ในมือของเกาทัณฑ์บัดนี้ คือหนังสือแจกหน้างานศพ เขาเพิ่งก้มลงดูจริงจัง เห็นเป็นหนังสือหน้าปกสวยชื่อ ‘ไอเย็นจากธารธรรม

เพียงชื่อหนังสือ ก็มีผลให้ใจสงบวูบ ลาวาร้อนแห่งความแค้นคล้ายถูกแทนที่ด้วยลำธารเมตตาอันใสเย็น

กะพริบตาทีหนึ่ง พลิกหนังสือช้าๆดูปกหลัง เห็นตัวหนังสืออ่านง่ายร่ายเป็นกลอนว่า


เห็นคนตายก็หมายรู้เดี๋ยวกูด้วย

อีกไม่ช้าชราป่วยแล้วม้วยสูญ

ศพวางนอนอย่างขอนไม้คล้ายอิฐปูน

รอขึ้นเผาให้เอาศูนย์มานับกาย


เหลือเพียงชื่อให้ลือจำทำไมเล่า

เขาก็รอคอขึ้นเขียงเรียงจากหาย

เหมือนกับเราเฝ้าจดจำแล้วกลับตาย

ชื่อก็วายกายก็วางว่างหมดกัน!


เสียงเครื่องช่วยหายใจที่ส่งจังหวะต่อเนื่อง ปี๊บ... ปี๊บ... ปี๊บ... ดังอยู่ในห้องแรงดันบวกพร้อมระบบกรองอากาศเฉพาะบุคคล ตลอดจนมีพยาบาลนั่งเฝ้าอยู่คนหนึ่ง เป็นสัญญาณบอกว่าห้องหมายเลข ๗ นั้น มีการเฝ้าระวังดูแลความเป็นความตายให้ใครคนหนึ่งอยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องมีเวลาห้ามเข้าเยี่ยมเหมือนห้องไอซียูรวม

เวลา ๒๐.๑๕ น. ประตูเลื่อนเปิดออกโดยไร้เสียง เกาทัณฑ์บังคับรถเข็นไฟฟ้าให้ไหลเข้าไปอย่างช้าๆคนเดียว เขาอยู่ในสูทดำตัวเดิมจากงานศพ ยังมีกลิ่นธูปจางๆติดตัวมา สองบอดี้การ์ดซึ่งติดตามมาเงียบๆตลอดทั้งวันหยุดยืนรออยู่ด้านนอก

อันที่จริงเขามาที่นี่แล้วสองรอบ รอบแรกช่วงเช้า พอดีกับที่หมอและพยาบาลกำลังจัดการอะไรกันวุ่นวาย เขาจึงถอยไปเงียบๆ

รอบสองช่วงบ่าย ปลอดความวุ่นวาย แต่พอเกาทัณฑ์เห็นร่างเรือนแก้วทอดนอนไร้สติผ่านกระจกใสที่ไม่ปิดม่าน ก็เกิดความไม่อยากเข้าไปเผชิญความจริงทั้งหมด ที่ต้องยอมรับให้ได้ไปอีกนาน

เธอแขนขาด...

รอบคำ่ครั้งนี้ หลังกลับจากงานศพเจ้าเพื่อนยาก ใจเขาไม่ติดอะไรแล้ว และเมื่อเข้ามา เกาทัณฑ์ก็ขอพยาบาลอยู่กับคนป่วยตามลำพัง

บังคับรถเข็นมาหยุดข้างเตียงคนไข้ ภายใต้แสงนวลอ่อนและเครื่องพยุงชีพจรหลายสาย ร่างบางของเรือนแก้วอยู่ในชุดผู้ป่วยสีเขียว นอนสงบนิ่งยังไม่ได้สติ มีผ้าห่มผืนบางคลุมถึงหน้าอก ผิวหน้าดูซีดลง ศีรษะด้านข้างที่โดนเศษปูนร่วงใส่ แปะพลาสเตอร์กันน้ำขนาดใหญ่ไว้บนผิวที่เพิ่งโกนผมออก

แขนซ้ายของเธออยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนแขนขวา แต่รอยยุบของเนื้อผ้าพ้นจากศอกลงไป บอกอย่างชัดแจ้งว่า ปลายแขนของเธอหายไปแล้วตลอดกาล

เกาทัณฑ์มองผืนผ้าที่แบนราบลงหลังพ้นข้อศอกนั้นนิ่งๆครู่หนึ่ง จู่ๆก็เบือนหน้าหนี และยกมือปิดหน้าสะอื้นฮัก น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกแสนสงสาร

ภาพความจำอันโหดร้ายผุดพราย ในที่เกิดเหตุ เมื่อตระหนักว่าเธอแขนขาด เขากำลังสมองเบลอและตกใจแค่นิดหน่อย เยี่ยงคนใกล้ตายไปด้วยกัน

แต่พอมาอยู่ต่อหน้าและเห็นแขนที่หายไปเดี๋ยวนี้ เขากลับสำนึกขึ้นมาว่า ที่เรือนแก้วต้องพิการไปตลอดชีวิตก็เพื่อช่วยเขา ทั้งที่เลือกเอาตัวรอดได้ แต่เธอก็ไม่เลือก

นาทีที่ไม่มีใครรู้ว่าตึกจะถล่มลงมาเมื่อใด

นาทีที่ทุกคนเห็นว่าเขาคือตัวถ่วงความเร็วในการเอาตัวรอด

นาทีที่เขาขอร้องว่าอย่ามาตายด้วยกันโง่ๆ คือนาทีที่เรือนแก้วกรีดหัวใจให้เขาดูว่า เธอขอเลือกไปเกิดใหม่พร้อมเขา

“เต้!”

เสียงกระซิบแผ่วนั้นดังพอจะทำความสะดุ้งไหวให้เกาทัณฑ์ เขาสะบัดหน้าจ้องเธอขวับ ลดมือลงและเปิดปากตอบสนองทันที

“แอ้!”

แต่แล้วก็พบนัยน์ตาที่ยังปิดสนิท เรือนแก้วแค่ละเมอด้วยอาการกระสับกระส่าย พลิกหน้าซ้ายขวาช้าๆ ราวกับกำลังถูกขังในฝันร้ายไร้ทางหนี

“เต้! ช่วยด้วยค่ะ…”

จิตใต้สำนึกของเธอยังอยู่ในความสัมพันธ์ร่วมเป็นร่วมตายกับเขาไม่เลิก ใจที่วอนขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่ในฝัน ช่างย้อนแย้งและหลอนความรู้สึก เพราะเป็นตรงกันข้ามกับภาพจำในใจ ที่เธอเอาชีวิตตัวเองเสี่ยงช่วยเขาจนนาทีสุดท้าย

เกาทัณฑ์ร้องไห้หนัก แต่ขบปากแน่นเพื่อข่มเสียงให้เงียบ ความบีบคั้นหัวใจเกิดขึ้นรุนแรงขนาดที่ต้องยกมือกุมอก สัญญากับตัวเองว่าจะคืนแขนข้างที่หายไปให้กับเธอ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร!